สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

ธันวาคม 2561 : 2,746 คน ผ่านการคัดสู่ 200 ผู้สมัคร ส.ว. ระดับประเทศ

2,746 คน ผ่านการคัดสู่ 200 ผู้สมัคร ส.ว. ระดับประเทศ

ครม. อนุมัติ 3.4 พันล้าน อุ้มสวนปาล์ม

สนช. ผ่านร่าง กม.ตรวจสอบรายได้ธุรกิจออนไลน์

สนช. ผ่านร่าง กม. ห้าม 'คนหนีคดี' ใช้สิทธิ์ฟ้องคดีอาญา

ครม. ไฟเขียว กม.หลากหลายทางเพศจดทะเบียนได้

กกต. ไฟเขียวหากองค์กรต่างชาติขอสังเกตการณ์เลือกตั้ง

กนช. ไฟเขียวโยก 2 โครงการบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่

ครม. ขยายเวลามาตรการ ลดภาษี หนุนการศึกษา 2 เท่า

ครม. ไฟเขียวตั้ง คกก. ลดเหลื่อมล้ำ ‘แก้ยากจน’

ครม. เห็นชอบ พ.ร.บ.ไซเบอร์ ป้องฐานข้อมูลภาครัฐ-เอกชน

สนช. ผ่าน กม.คุ้มครองแรงงาน เพิ่มชดเชยเลิกจ้าง 400 วัน

2,746 คน ผ่านด่านสู่เลือก ส.ว.ระดับประเทศ

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 ที่อาคารอิมแพคฮอลล์ 2 เมืองทองธานี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดการให้ผู้สมัครรับคัดเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในระดับจังหวัดจำนวน 2,742 คน ทำการคัดเลือกกันเองเพื่อให้เหลือผู้สมัครจำนวน 200 คน เพื่อนำชื่อส่งให้ คสช. คัดเลือกให้ได้ ส.ว. จำนวน 50 คน

ในการรับสมัคร ส.ว. ทั่วประเทศ มีผู้สมัครทั้งสิ้น 7,056 คน ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2,746 คน แยกเป็น สมัครด้วยตัวเอง 2,294 คน และสมัครด้วยตนเองพร้อมหนังสือแนะนำชื่อจากองค์กร 452 คน แบ่งตามกลุ่ม คือ

กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง สมัครด้วยตนเอง 264 คน องค์กรแนะนำ 30 คน รวม 294 คน ,
กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สมัครด้วยตนเอง 187 คน องค์กรแนะนำ 70 คน รวม 257 คน ,
กลุ่มการศึกษาและการสาธารณสุข สมัครด้วยตนเอง 275 คน องค์กรแนะนำ 71 คน รวม 346 คน ,
กลุ่มอาชีพกสิกรรม ปลูกพืชล้มลุก ทำนา ทำสวน ทำไร่ ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง สมัครด้วยตนเอง 284 คน องค์กรแนะนำ 52 คน รวม 336 คน ,
กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคลซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้ใช้แรงงาน / อาชีพอิสระ สมัครด้วยตนเอง 217 คน องค์กรแนะนำ 14 คน รวม 231 คน ,
กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม สมัครด้วยตนเอง 149 คน องค์กรแนะนำ 29 คน รวม 178 คน
กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ประกอบธุรกิจ หรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว สมัครด้วยตนเอง 227 คน องค์กรแนะนำ 35 คน รวม 262 คน ,
กลุ่มสตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ สมัครด้วยตนเอง 276 คน องค์กรแนะนำ 107 คน รวม 383 คน
กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา สื่อสารมวลชน ผู้สร้างวรรณกรรม สมัครด้วยตนเอง 187 คน องค์กรแนะนำ 26 คน รวม 213 คน และ
กลุ่มอื่นๆ (ผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามย่อมมีสิทธิสมัครในกลุ่มอื่นๆ) สมัครด้วยตนเอง 228 คน องค์กรแนะนำ 18 คน รวม 246 คน

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 กำหนดให้มีสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 200 คน ดำรงตำแหน่งได้คราวละ 5 ปี เป็นได้วาระเดียว มาจากการเลือกกันเองของประชาชนในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จากบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชน์ร่วม หรือทำงานหรือเคยทำงานด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายของสังคม ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ

ในวาระเริ่มแรก ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 กำหนดให้มีสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 250 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายคำแนะนำ โดยมาจาก 3 ส่วน คือ

กกต.ดำเนินการจัดให้มีการเลือก ส.ว. จำนวน 200 คน แล้วนำรายชื่อเสนอต่อ คสช. คัดเลือกจำนวน 50 คน
คณะกรรมการสรรหา ส.ว. คัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาและการปฏิรูปประเทศจำนวนไม่เกิน 400 คน แล้วนำรายชื่อเสนอต่อ คสช. คัดเลือก จำนวน 194 คน
ผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 6 คน

ครม. อนุมัติ 3.4 พันล้าน อุ้มสวนปาล์ม

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมส่งเสริมการเกษตรเสนอ เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพ โดยเรื่องดังกล่าวผ่านมติจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติมาแล้ว เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน และช่วยเหลือค่าครองชีพให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรที่ให้ผลผลิตมาแล้วมากกว่า 3 ปี จำนวน 150,000 ราย พื้นที่ไม่เกิน 2,250,000 ไร่ โดยให้ความช่วยเหลือตามพื้นที่ปลูกจริงในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,458,206,250 บาท

สนช. ผ่านร่าง กม.ตรวจสอบรายได้ธุรกิจออนไลน์

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. .... เพื่อให้กรมสรรพากรตรวจสอบและนำไปสู่การเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มเติมประเด็นว่าด้วยการชำระเงินภาษีผ่านทางช่องทางอิเล็คทรอนิกส์ และการแจ้งรายละเอียดของบุคคลและนิติบุคคล กำหนดให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลของบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะพิเศษ ได้แก่

ความเคลื่อนไหวทางบัญชีรับโอนทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปี
ฝากหรือรับโอนทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้ง และมียอดรวมธุรกรรมฝากหรือรับโอนรวมกันตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้น

ทั้งนี้ ที่ประชุม สนช. ที่มีผู้แสดงตนต่อที่ประชุม 146 คนจากสมาชิกที่มีทั้งหมด 240 คน ลงมติเห็นชอบ 139 เสียง และงดออกเสียง 7

สนช. ผ่านร่าง กม. ห้าม 'คนหนีคดี' ใช้สิทธิ์ฟ้องคดีอาญา

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีวาระเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมาย คือ การตัดสิทธิ์บุคคลที่ปฏิเสธอำนาจศาล ที่ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในคดีอาญาซึ่งถึงที่สุด เช่น บุคคลที่หลบหนีการจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ห้ามใช้สิทธิ์ฟ้องคดีอาญาใดๆ ได้อีก โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์จากสมาชิก สนช. ที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 152 คน จากสมาชิกที่มี 240 คน ลงมติเห็นด้วย 149 เสียง งดออกเสียง 3

ครม. ไฟเขียว กม.หลากหลายทางเพศจดทะเบียนได้

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิตตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เสนอ ภายหลังจากที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต ที่ได้ทำการหารือและพิจารณาร่วมกับภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งทำการศึกษาค้นคว้าและเปรียบเทียบกฎหมายของประเทศต่างๆ ที่ให้สิทธิการสร้างครอบครัวแก่กลุ่มบุคคลหลากหลายทางเพศ อาทิ ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น นำมาพิจารณา ประกอบกับบริบทสภาพสังคมของประเทศไทย ในการพิจารณาจัดทำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้นำผลการเปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศที่มีลักษณะเดียวกันมาพิจารณาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันและเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย เป็นการดำเนินการลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มต้นจากการรับรองสถานะและจดทะเบียนคู่ชีวิตเพื่อเป็นการรับรองสิทธิเบื้องต้น ก่อนจะพัฒนาไปสู่การสมรสที่เท่าเทียมกัน ซึ่งจะส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป

กกต.ไฟเขียวหากองค์กรต่างชาติขอสังเกตการณ์เลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีเปิดรับผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างประเทศ ว่า เป็นประเด็นที่ กกต.ชุดก่อนดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 ให้มีผู้สังเกตการณ์ต่างประเทศเข้ามาได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และเคารพกฎหมายไทย กกต. ชุดปัจจุบันทั้ง 7 คน ทุกคนเห็นด้วยในหลักการ

อนึ่งในวันที่ 27 ธันวาคม สถานเอกอัครทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้ส่งนางแอนนี โฮ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองมาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ส.ว. แล้ว แต่สำหรับสหภาพยุโรปนั้น ยังเป็นเพียงการแสดงความสนใจเข้ามาแต่ยังไม่ได้ขอเข้ามาอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส. นั้นขณะนี้ยังไม่มี พ.ร.ฎ. ให้มีการเลือกตั้ง

กนช.ไฟเขียวโยก 2 โครงการบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่

      เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เลื่อนโครงการลงทุนเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำขนาดใหญ่จำนวน 2 โครงการวงเงินรวม 12,975 ล้านบาท ให้มาเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2562 เนื่องจากเป็นโครงการเร่งด่วนและมีความสำคัญ โดยจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการและงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยทั้งสองโครงการที่มีการอนุมัติ ประกอบด้วย

      1. โครงการอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร กรุงเทพฯ วงเงิน 9800 ล้านบาท ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำในเขตดอนเมือง หลักสี่ สายไหม และบางเขน ครอบคลุมพื้นที่ 109 ตารางกิโลเมตร ซึ่งโครงการมีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2569 และ

      2. โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน จ.สุโขทัย เพื่อบรรเทาอุทกภัย และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุน พร้อมทั้งส่งน้ำอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ วงเงิน 2,875 ล้านบาท เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสามารถบรรเทาปัญหาอุทกภัยในตัวเมืองสุโขทัยในฤดูฝน ตลอดจนเก็บกักน้ำในคลองไว้ใช้ประโยชน์บริเวณ 2 ฝั่งคลองตลอดสายในระหว่างฝนทิ้งช่วงฤดูแล้ง ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ 7,300 ไร่ โดยโครงการนี้มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2567

ครม. ขยายเวลามาตรการ ลดภาษี หนุนการศึกษา 2 เท่า

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา ตามร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ...)พ.ศ. .... ซึ่งกำหนดให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่สถานศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมสถาบันการศึกษานอกระบบตามกฎหมาย สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนอื่นๆ แล้ว

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินให้แก่สถานศึกษาตามข้างต้น สามารถนำมาหักเป็นรายจ่าย 2 เท่า ของจำนวนที่บริจาค และรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้าง และการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะหรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไป โดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ หรือสวนสาธารณะ สนามกีฬาของส่วนราชการ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณะประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ซึ่งการบริจาคทั้งหมดจะต้องดำเนินการผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2562

ครม.ไฟเขียวตั้ง คกก.ลดเหลื่อมล้ำ ‘แก้ยากจน’

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2661 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบูรณาการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน พ.ศ. .... โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน (กนล.) ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 15 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกฯ แต่งตั้งไม่เกิน 3 คน โดยมีเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นกรรมการและเลขานุการ โดย กนล.จะมีหน้าที่และอำนาจกำหนดกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ วางแนวทาง หลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินงานการบูรณาการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ไขปัญหาความยากจนในทุกมิติ ทุกระดับ ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงาน เสนอแนะต่อ ครม. กำกับติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ออกประกาศและคำสั่งเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามระเบียบ

ครม. เห็นชอบ พรบ.ไซเบอร์ ป้องฐานข้อมูลภาครัฐ-เอกชน

      เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเกี่ยวกับกฎหมายดิจิตอล 2 ฉบับ ประกอบด้วยร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จะกำหนดให้ระบบฐานข้อมูลโดยเฉพาะระบบฐานข้อมูลคนไข้ในโรงพยาบาล ธนาคาร ข้อมูลประชาชน สาธารณูปโภค สถาบันการเงิน พลังงาน คมนาคม สาธารณสุข บริการภาครัฐ ความมั่นคง ต้องมีกลไกเฝ้าระวัง ป้องกัน ลดความเสี่ยงของภัยคุกคามทางไซเบอร์ 3 ระดับ คือ ระดับเฝ้าระวัง ระดับร้ายแรง และระดับวิกฤติ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีทางออนไลน์ ใช้วิธีแฮกข้อมูลการก่อการร้าย เช่น เรียกค่าไถ่

      ส่วนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดว่าการใช้ข้อมูลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล โดยมีการสอบถามการยินยอมจากเจ้าของข้อมูลในหน้าแรกให้ชัดเจน และต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะนำข้อมูลนั้นไปใช้ทำอะไร และจะใช้นอกเหนือจากที่ขออนุญาตไม่ได้ นอกจากนั้น เจ้าของข้อมูลมีสิทธิถอนการยินยอมให้ใช้ข้อมูลภายหลังได้ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่รวมถึงการใช้ข้อมูลก่อนที่กฎหมายจะออก

สนช. ผ่าน ก.ม.คุ้มครองแรงงาน เพิ่มชดเชยเลิกจ้าง 400 วัน

      เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ...) พ.ศ. …. โดยมีการแก้ไขร่างกฎหมายเพิ่มเติม ซึ่งมีสาระสำคัญ 4 ประเด็น คือ การเพิ่มค่าชดเชยเลิกจ้าง, สิทธิลาคลอดบุตร, สิทธิวันลากิจ และกรณีการเปลี่ยนตัวนายจ้าง มีรายละเอียด ดังนี้

      เพิ่มอัตราค่าชดเชยเลิกจ้างให้กับลูกจ้างที่ทำงานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป จะได้ค่าชดเชยอัตราเพิ่มเป็น 400 วัน จากเดิม 300 วัน ทั้งนี้ จะทำให้หลักเกณฑ์ใหม่ในการจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้าง แบ่งออกเป็น ดังนี้ คือ 1. ทำงานต่อเนื่องครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้ค่าชดเชย 30 วัน, 2. ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ได้รับค่าชดเชย 90 วัน, 3. ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี ได้ค่าชดเชย 180 วัน, 4. ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่เกิน 8 ปี ได้ค่าชดเชย 240 วัน, 5. ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ได้ค่าชดเชย 300 วัน และ 6. ทำงานครบ 20 ปี จะได้รับค่าชดเชย 400 วัน

      สำหรับเงินชดเชยเลิกจ้าง จะจ่ายให้ในกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยที่ไม่ได้มีความผิด หรือไม่ได้ลาออกเองโดยสมัตรใจ

      เพิ่มสิทธิให้ลูกจ้างหญิงที่มีครรภ์ มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน จากเดิมมีสิทธิลา 90 วัน ซึ่งไม่รวมลาฝากครรภ์หรือตรวจครรภ์ แต่ให้นับรวมวันหยุดที่มีระหว่างวันลาด้วย สำหรับ 8 วันที่เพิ่มขึ้นมานั้น นายจ้างจะจ่ายค่าจ้างระหว่างลาหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกัน

      เพิ่มสิทธิให้ลูกจ้างสามารถลากิจธุระอันจำเป็น ได้ไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน โดยที่ยังได้รับค่าจ้างตามปกติ

      กรณีที่นายจ้างเปลี่ยนตัวนายจ้างหรือนิติบุคคล ถ้าลูกจ้างไม่ยินยอม สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ โดยที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษให้กับลูกจ้าง ซึ่งตามกฎหมายเดิมนั้นลูกจ้างต้องไปฟ้องศาลเอง

      โดย สนช. ได้ผ่านพิจารณา พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับนี้ เป็นกฎหมายเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ และรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้หลังจากนี้อีก 30 วัน

From : http://www.fpps.or.th