สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

สวัสดีปีใหม่ คนไทยต้องใส่ใจให้สังคม

      เวลาผ่านมาครบขวบปี มีอะไรที่ต้องใส่ใจทบทวนมากมายต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ในด้านการเมือง ก็มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องรัฐธรรมนูญที่ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 เรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลก็เร่งลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และวางแผนด้านเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับการพัฒนาไปสู่ยุค 4.0 ส่วนเรื่องการศึกษาและสาธารณสุข ยังวนเวียนกับปัญหาที่ไม่มีทางออก ซึ่งทุกเรื่องยังคงเป็นปัญหาที่ ประชาชนอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขด้วยอย่างยิ่ง

      อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาโดยย่อทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะปล่อยให้รัฐบาลทำแต่เพียงลำพัง เพราะสังคมต้องการพลังขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วน แม้แต่ปัจเจกชนก็จำเป็นต้องออกแรงได้อีกทาง เนื่องด้วยการรอแก้ไขปัญหาและการพัฒนาสังคมแต่เพียงโครงสร้าง ซึ่งแม้เป็นเรื่องจำเป็น แต่หากแต่ละปัจเจกละเลยที่จะลุกขึ้นมาแสดงความเป็นเจ้าของปัญหาสังคม ซ้ำยังเพิกเฉยและร้องขอให้รัฐบาลทำให้แต่ฝ่ายเดียว เช่นนี้แล้ว ความเป็นมนุษย์จะมีบทบาทสร้างสรรค์สังคมด้วยตนเองได้อย่างไร

      ด้วยความเป็นมนุษย์ที่มีอำนาจและอิสระในตัวเอง อีกทั้งมนุษย์ก็ยังเป็นสัตว์สังคม มีสมองและคิดเป็น ต้องการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และไม่เบียดเบียน การออกมาแสดงออกสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับสังคมในนามของปัจเจกอย่างแข็งขัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพื่อนมนุษย์และสังคมที่ดีงาม คือ ความกล้าหาญที่ท้าทายให้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่นี้

       “ปรากฏการณ์ ตูน” ของนักร้องชื่อดัง ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย คือรูปธรรม การขับเคลื่อนสร้างสำนึกเพื่อสังคม (social consciousness) ให้เกิดพลังร่วมกันทั้งแผ่นดิน กระตุ้นให้คนออกมา ไม่เพียงดูแลสุขภาพของตนเองจากการวิ่ง แต่หากยังส่งผลสะเทือนถึงเรื่องสาธารณสุขในระยะยาว โดยเฉพาะปัญหาการบริหารจัดการงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขในขณะนี้

      “ปรากฏการณ์ ตูน” จึงเป็นเรื่องสะท้อนกลับให้คนลุกขึ้นมาใส่ใจสังคมให้มากกว่าตัวเอง ผู้ที่มีความคิด มีความสามารถ และมีศักยภาพ แม้ไม่ได้อยู่ในโครงสร้างกลไกของอำนาจรัฐ ไม่มีตำแหน่งแห่งหนในระบบราชการ เพียงแค่คิด และลงมือทำจากคนตัวเล็กๆ ก็กลายเป็นพลังให้กับสังคมได้ไม่ยาก และได้เห็นเป็นรูปธรรมของความสำเร็จเกิดขึ้นแล้วเช่นกัน เมื่อค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขอยู่ในกระเป๋าของทุกคน ดังนั้น แต่ละคนจึงมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะดูแลด้วยเช่นกัน การขอเพียงคนละ 10 บาท จากคน 60 ล้านกว่าคน และทะลุเป้าไปที่ 1,200 ล้านบาท จึงเป็นพลังจากปัจเจกชนล้วนๆ ที่ลุกขึ้นมาใส่ใจสังคมอย่างร่าเริงและเต็มใจ

      ไม่ว่าใครจะอยู่ในภาคส่วนใดของสังคม ทุกคนต้องตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบ และเอาใจใส่ต่อสังคม เพราะถ้าสังคมพัง ทุกคนก็ไม่รอดเช่นกัน จึงมีทางเดียวที่รอดร่วมกัน คือ ทุกคนต้องลุกขึ้นมาแสดงตัวตนความเป็นเจ้าของประเด็นทางสังคม และช่วยกันฝ่าฟันแก้ไขไปพร้อมๆ กับการผลักดันให้แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างให้ถูกทางอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

      สวัสดีปีใหม่ครั้งนี้ จึงขอให้สังคมไทยมีความเจริญก้าวหน้า และสันติ สถาพร ด้วยพลังของความ “รักและสามัคคี” อย่างเข้มแข็งและเพิ่มพูนตลอดไป

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร
ผู้อำนวยการร่วม สถาบันนโยบายศึกษา

From : http://www.fpps.or.th