สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

มีส่วนร่วมหลังประชามติ

      การเมืองหลังการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ ครั้งที่ 2 ของประเทศเมื่อ 7 สิงหาคม 2559 ประชาชนตอบรับถึงร้อยละ 61 เป็นผลตอบรับของการใช้ประชาธิปไตยทางตรง คือให้ประชาชนร่วมตัดสินใจในการกำหนดชะตากรรมของประเทศด้วยตัวของเขาเอง และจากการรับร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ก็จะทำให้เป็นผลผูกมัดทุกภาคส่วนที่ต้องเคารพและยึดถือเสียงของประชาชน เพราะเป็นฉันทามติที่ผลออกมาอย่างไรทุกฝ่ายก็ต้องน้อมรับ

      จากจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ 29.7 ล้านคน ของผู้มีสิทธิทั้งประเทศประมาณ 50 ล้านคน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ แต่ก็เกินครึ่งมาอย่างเฉียดฉิวที่ออกมาใช้สิทธิ ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่า การใช้สิทธิในการไปลงประชามติในครั้งนี้นั้น ไม่เหมือนกับการไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ซึ่งประชาชนมักจะเดินทางกลับภูมิลำเนาของตน นอกจากนี้บรรยากาศก่อนการลงประชามติก็เป็นข้อจำกัดในการแสดงออกทางความคิดเห็นอีกด้วย

      จะอย่างไรก็ตาม การลงประชามติครั้งนี้ ถือเป็น “คำตัดสิน” ให้ทุกฝ่ายยอมรับ และช่วยกันนำพาประเทศไปข้างหน้า และเดินไปตามรัฐธรรมนูญที่จะไปสู่การจัดการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในปลายปี 2560

      หน้าตาของรัฐสภาโฉมใหม่ในอนาคตก็จะประกอบด้วย ส.ส. 500 คน จากการเลือกตั้ง และ ส.ว. 250 คน จากการสรรหาหรือแต่งตั้ง ซึ่งมี ส.ว. โดยตำแหน่งที่มาจากผู้นำเหล่าทัพ 6 คน ซึ่งทั้ง ส.ส. และ ส.ว. มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย

      ผลจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ บอกนัยที่สำคัญในทางการเมืองโดยเฉพาะตัวบุคลากรทางการเมือง หรือนักการเมืองจำเป็นต้องปฏิรูปกันครั้งใหญ่ เพื่อหาทางออกจากกับดักของตัวเองที่เป็นผู้ก่อจากการใช้เผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภาที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเสียงข้างมากจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของผู้อื่นและหลักนิติธรรมใดๆ

      จะว่าไปแล้วก็ต้องปฏิรูปกันทั้งประเทศนั่นแหละ อย่าหวังแต่ว่ามีรัฐธรรมนูญมาแล้วจะโล่งอกโล่งใจ ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ต้องทำกฎหมายลูกอีกหลายเรื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งในทางการเมืองทั้งหมด ทั้งภาคนักการเมืองและภาคพลเมือง ซึ่งการปฏิรูปครั้งนี้ต้องการพลังหนุนช่วยจากทุกภาคส่วนของสังคม

       แล้วอย่าลืมเปิดเสรีภาพทางความคิดด้วยล่ะ เจ้าของประเทศคิดเป็น คิดได้ และอยากมีส่วนเป็นเจ้าของกันทุกๆ เรื่อง ซึ่งการแสดงออก การใช้เสรีภาพนี้ ก็ต้องตระหนักเสมอว่า คือการแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบอย่างสูงยิ่งต่อสังคม ต่อการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้เกิดความสามัคคีขึ้นในชาติให้ได้

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร
ผู้อำนวยการร่วม สถาบันนโยบายศึกษา

From : http://www.fpps.or.th