ติดตามประชาธิปไตย (Thai)
กันยายน 2557 : แถลงนโยบายเร่งด่วน 11 ด้าน ในกรอบเวลา 1 ปี

  • นรม. นำทีม ครม. แถลงนโยบาย 11 ด้าน ในกรอบเวลา 1 ปี
  • ป.ป.ช. ส่งเรื่องถอดถอน “สมศักดิ์- นิคม” ให้ “สนช.” ดำเนินการ
  • งบประมาณ ปี 58 กำหนดกรอบวงเงิน 2.575 ล้านล้าน
  • ตั้ง สนช. เพิ่มอีก 28 คน ได้ครบ 220 ตาม รธน.
  • รองนายกฯ รมว. ตปท แถลงเวทียูเอ็น ไทยไม่ได้หันหลังให้ประชาธิปไตย
  • ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง-พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผ่านวาระแรก
  • มาสเตอร์โพล แกนนำชุมชนให้คะแนนรัฐบาล 8.80 จาก 10
  • ชาวสวนยางพอใจ 4 ข้อเสนอแก้ยางต่ำ
  • ได้ 14 คณะกรรมการคัดเลือก สปช.
  • ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 3 เดือน
  • ยกเลิกคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ตั้งในสมัยรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ตั้งใหม่ได้ถ้าจำเป็น
  • สรุปยอดผู้สมัคร “สปช. ” 7,370 คน
  • เลิกโครงการแท็บเล็ต เหตุไม่คุ้มค่า-ไม่เป็นไปตามสัญญา
  • รวบกลุ่มชายชุดดำ ปี ’53
  • ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องใบเหลือง ผู้ว่าฯ กทม.
  • 1 ต.ค. ขึ้นค่าก๊าซแอลพีจี-เอ็นจีวี
  • รายได้รัฐ 11 เดือนแรกปี 57 พลาดเป้า
  • ต่ออายุลดภาษีเงินได้ออกไปอีก 1 ปี
  • ใช้เงินค้าง 15,000 ล้านบาท โครงการไทยเข้มแข็งพัฒนาเศรษฐกิจ
  • ทุก 2 ชั่วโมง คนไทยฆ่าตัวตาย 1 คน

    นายกฯ นำทีม ครม. แถลงนโยบาย

          เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 โดยกล่าวอารัมภบทว่า รัฐบาลชุดนี้มีข้อแตกต่างด้านเงื่อนไขและเวลา ต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ คือ ต้องสืบทอดสานต่อภารกิจจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาประเทศไว้ก่อนแล้วเป็น 3 ระยะ และรัฐบาลนี้ไม่ได้จัดตั้งขึ้นจากพรรคการเมืองจึงไม่มีนโยบายที่ใช้หาเสียง หวังคะแนนประชานิยม เป็นฐานทางการเมือง

          สำหรับนโยบายที่แถลงนั้น จำแนกเป็น 11 ด้าน ดังนี้
          1. การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
          2. การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ แบ่งเป็น
                 2.1ระยะเร่งด่วน รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
                 2.2 เร่งแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้
                 2.3 พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพ และระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย
                 2.4 เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศบนหลักการนโยบายการต่างประเทศ
          3. การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ
          4. การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา และศิลปวัฒนธรรม
          5. การยกระดับคุณภาพ และบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน
          6. การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
          7. การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
          8. การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม
          9. การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
          10. การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และ
          11. การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระยะเฉพาะหน้า

          นอกจากนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนการทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้รวดเร็ว เรียบร้อย และเป็นอิสระ อีกด้วย

    ป.ป.ช. ส่งเรื่องถอดถอน สมศักดิ์-นิคม ให้ สนช.

          เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก ว่า ให้ส่งสำนวนเรื่องการถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป เนื่องจากเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 64 ประกอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาตรา 6 วรรค 2 ซึ่งระบุให้ สนช. ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา

    งบฯ ปี 58 วงเงิน 2.575 ล้านล้านบาท เริ่มใช้ 1 ต.ค.

          เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 เว็บไซต์ราชกิจนุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 2,575,000,000,000 บาท ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ 2558 โดยมีรายละเอียดทั้งสิ้นจำนวน 35 มาตรา เนื้อหา 86 หน้า สามารถติดคามได้ที่ลิงค์ดังกล่าวนี้ http://ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/069/1.PDF

    แต่งตั้ง สนช. เพิ่มอีก 28 คนจนครบ 220

          เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2557 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติมอีก จำนวน 28 คน ทำให้มี สมาชิก ครบ 220 คนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยทั้ง 28 คน มีกำหนดการให้ไปรายงานตัวที่รัฐสภา ในวันที่ 29 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2557 นี้

    รองนายกฯ ธนะศักดิ์ ชี้แจงนานาชาติในเวทียูเอ็น

          เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2557 ตามเวลาท้องถิ่น ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สมัยที่ 69 โดยระบุถึงสถานการณ์การเมืองของไทยว่าประเทศไทยได้เรียนรู้บทเรียนที่ว่าประชาธิปไตยมีมากกว่าการเลือกตั้ง แต่ยังต้องอยู่บนพื้นฐานการเคารพหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ความรับผิดชอบในผลของการตัดสินใจ และการได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับไทยในช่วงก่อนเหตุการณ์วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งตนยืนยันให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลไทยให้การยึดมั่นต่อหลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ไทยทราบดีว่า ไม่อาจสวนกระแสประชาธิปไตยได้ ขอทุกฝ่ายอย่าได้สงสัยว่าประชาธิปไตยในไทยกำลังถดถอย แต่ต้องการเวลา และพื้นที่เพื่อสร้างความปรองดอง ปฏิรูปการเมือง และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันต่างๆ ในระบอบประชาธิปไตย

    ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง-พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านวาระแรก

          เมื่อ 26 กันยายน 2557 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม มีมติรับหลักการวาระแรก พ.ร.บ.การคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งและร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และตั้งกรรมาธิการจำนวน 15 คน เพื่อพิจารณาก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมครั้งต่อไป

          ร่างกฎหมายการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งมีสาระสำคัญคือ ให้มีสถานคุ้มครองและศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง โดยศูนย์คุ้มครองมีหน้าที่สำรวจและติดตามสภาพปัญหาเกี่ยวกับคนไร้ที่พึ่งจัดให้มีที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ และตรวจสุขภาพภายและจิตจัดฝึกอบรมและอาชีพและหาอาชีพให้แก่คนไร้ที่พึ่ง

    มาสเตอร์โพล แกนนำชุมชนให้รัฐบาล 8.80 จาก 10

          เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2557 ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน หรือมาสเตอร์โพล ได้เปิดผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง แนวโน้มฐานสนับสนุนของแกนนำชุมชนต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการติดตามรายการคืนความสุขให้คนในชาติ กรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 600 ชุมชน ระหว่างวันที่ 13 - 20 กันยายน 2557 พบว่าแกนนำชุมชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.0 สนับสนุน คสช. ขณะที่ร้อยละ 17.2 ไม่แน่ใจและขออยู่ตรงกลาง และร้อยละ 1.8 ไม่สนับสนุน

          นอกจากนี้ จากการสำรวจ 7 ครั้งที่ผ่านมาพบว่า สัดส่วนของแกนนำชุมชนที่สนับสนุน คสช. ครั้งล่าสุดคือร้อยละ 81.0 สูงกว่าผลสำรวจครั้งแรกที่เคยพบอยู่ร้อยละ 70.1 ในขณะที่กลุ่มแกนนำชุมชนที่ไม่สนับสนุน คสช. พบว่าลดลง ทั้งนี้ การจับกุม ขบวนการค้ายาเสพติด ได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุดคือ 8.79 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 อันดับที่ 2 ได้แก่ การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกที่ดินอุทยานและการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ได้ 8.60 คะแนน และอันดับที่ 3 ได้แก่ การจับกุมอาวุธสงคราม ได้ 8.50 คะแนน

    ชาวสวนยางพอใจ 4 แนวทางแก้ยางราคาตก

          เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) แถลงว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตามข้อเสนอ 4 แนวทางของกระทรวงเกษตรฯ หลังจากที่ไปหารือกับผู้ประกอบและผู้ปลูกยางมาแล้ว ส่วนการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาวนั้น มีแผนในการดำเนินการต่อไป เรื่องปัญหายางพาราต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงจะแก้ได้ทั้งหมด เพราะปัญหาสะสมมานาน ทั้งเรื่องปัญหาการปลูก การวิจัยพัฒนายาง หรือการเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบที่มีอยู่ โดยสัปดาห์หน้าปลัดกระทรวงเกษตรฯ จะไปพูดคุยกับประเทศที่ผลิตยาง หรือไตรภาคี เพื่อหารือร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ราคายางสูงขึ้น

          แนวทางที่เสนอมานี้เป็นที่พอใจของเกษตรกรที่ปลูกยางพาราใน 16 จังหวัด ทำให้ล้มความตั้งใจที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมกดดันรัฐบาลในวันที่ 8 ตุลาคม 2557 นี้

    ได้ 14 คณะ กก. คัด สปช. 250 คน

          เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 117/2557 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 14 คน ให้ทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิก สปช. จากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดเสนอจังหวัดละหนึ่งคน และพิจารณาคัดเลือกบุคคล ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิก สปช. จากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านเสนอขึ้นมา ทั้งนี้ จำนวน สปช. ทั้งหมดต้องไม่เกินสองร้อยห้าสิบคน

          เมื่อได้รายชื่อแล้ว คณะกรรมการสรรหาจะนำรายชื่อทั้งหมดเสนอต่อหัวหน้า คสช. นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป

    ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใต้อีก 3 เดือน

          เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากการตรวจสอบความคิดเห็นหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่พบว่าส่วนใหญ่ยังเห็นชอบ อยากให้มีการประกาศใช้อยู่ ครม.จึงมีมติต่ออายุออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ถึง 19 ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็นการต่อครั้งที่ 37

    ยกเลิกคณะกรรมการที่แต่งตั้งในยุค ครม. ยิ่งลักษณ์

          เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตคี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติให้คณะกรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีชุดเดิม (นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนถึงวันสิ้นสุดที่ 30 กันยายน 2557 และภายหลังหากกระทรวง กรม เห็นว่าคณะกรรมการชุดใดมีความสำคัญและจำเป็นต้องมีอยู่ ให้เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นใหม่ โดยให้ตรวจสอบองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายในวันที่ 30 กันยายน 2557 ทั้งนี้ คณะกรรมการใดที่กระทรวง กรม จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแต่งตั้งดังกล่าว หากสามารถกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานและภารกิจสิ้นสุดที่ชัดเจนได้ ให้ระบุวันสิ้นสุดของคณะกรรมการนั้นๆ ไว้ด้วย

    ยอดเสนอผู้สมัคร “สปช.” 7,370 คน

          เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2557 นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข่าวสรุปยอดผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวนทั้งหมด 7,370 ราย แยกเป็นนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่เสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาใน 11 ด้าน จำนวน 4,585 ราย และเสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดจำนวน 2,785 ราย

          โดยด้านการศึกษามีการเสนอเข้ามาสูงสุด 778 ราย, ด้านอื่นๆ จำนวน 683 ราย, ด้านสังคม จำนวน 679 ราย,ด้านการปกครองท้องถิ่น จำนวน 445 ราย, ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม จำนวน 379 ราย, ด้านเศรษฐกิจ 339ราย,ด้านพลังงานจำนวน 284 ราย, ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 285 ราย, ด้านการเมืองจำนวน 262 ราย, ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน 257 รายและด้านสื่อสารมวลชน จำนวน 194 ราย

          กรุงเทพมหานครเสนอชื่อมามากสุด 113 ราย รองลงมา กาฬสินธุ์ 79 ราย อุบลราชธานี 71 ราย น้อยที่สุดคือ พิจิตร 15 ราย รองลงมาคือ ตาก 17 ราย

          ในจำนวนนี้แยกเป็นเพศชาย จำนวน 6,479 ราย และเพศหญิง จำนวน 891 ราย

          และแยกตามวุฒิการศึกษา ได้เป็นต่ำกว่าปริญญาตรี 809 ราย ปริญญาตรี 2,114 ราย ปริญญาโท 3,286 ราย ปริญญาเอก 1,151 ราย และไม่มีการแจ้งวุฒิการศึกษา 9 ราย

    ยกเลิกโครงการแท็บเล็ต

          เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2557 ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ครั้งที่ 11/2557 มีมติให้ยกเลิกการดำเนินโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงินรวมปี 2555 จำนวน 1,794.83 ล้านบาท และในปี 2556 จำนวน 4,616.25 ล้านบาท ด้วยเหตุผลที่ตรวจพบว่าไม่มีความคุ้มค่า บุคลากรที่เกี่ยวข้องขาดทักษะ และการซ่อมบำรุงไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา แต่สามารถเสนอโครงการใหม่ทดแทนได้โดยจะต้องสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนกันยายน 2557 นี้

          สำหรับโครงการอื่นๆ อีก 20 โครงการนั้น ได้เสนอผลสรุปการติดตามและตรวจสอบ และมีมติที่น่าสนใจ เช่น โครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ดำเนินการต่อ

          โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. วงเงิน 60,741.61 ล้านบาทนั้น ให้มีการทบทวนทีโออาร์และดำเนินการให้สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในสิ้นเดือน กันยายน 2557 นี้

          โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน 181 โครงการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 2,459,793,166 บาท ให้มีการกระจายงานไปยังภูมิภาคและประกวดราคาโดยใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็คโทรนิค

          โครงการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2556 ตรวจพบว่ามีการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้กับผู้ที่เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในอัตราที่สูงมาก ทำให้เป็นภาระทางด้านงบประมาณ จึงสมควรแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับเงินใกล้เคียงกับข้าราชการ

          ส่วนเรื่องการเบิกค่าเบี้ยประชุมของรัฐสภา ได้มีการแก้ไขระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2555 โดยปรับอัตราเบี้ยประชุม ทำให้ค่าใช้จ่ายในการประชุมมีแนวโน้มสูงขึ้น จึงให้ทบทวนระเบียบให้เหมาะสมโดยเร็ว และให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบย้อนหลังหากมีการปฏิบัติผิดระเบียบให้เรียกเงินคืนตามมติ คสช. เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557

    สตช. แถลงจับชายชุดดำช่วงชุมนุมทางการเมือง

          เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2557 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง แถลงการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 คน ที่กระทำความผิดใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อปี 2553 ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ที่เสียชีวิตจากการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. บริเวณแยกคอกวัว เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ผู้สั่งการเป็น นายจักรินทร์ เรืองศักดิ์วิชิต หรือรู้จักในชื่อ เสธ.ไก่ เป็นผู้วางแผนที่บ้านพักย่านรามอินทรา และนำกลุ่มผู้ต้องหาขึ้นรถตู้เข้าไปในชุมนุมที่แยกคอกวัว ใช้อาวุธสงครามยิงเข้าไป ก่อนจะหลบหนี

          ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนได้ซัดทอดว่า น.ส.กริชสุดา หรือ เปิ้ล คุณะแสน มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้จ้างวาน คือ เป็นผู้โอนเงินให้กับผู้ก่อเหตุ ส่วนผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ต้องรอศาลอนุมัติจึงจะเปิดเผยรายชื่อได้ ทั้งนี้ ยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอีก 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมส่งตัวให้ดีเอสไอ ดำเนินคดี และจะขออนุมัติจากดีเอสไอ ให้ตำรวจเข้าร่วมในการสอบสวนคดีด้วย

    ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องใบเหลือง“สุขุมพันธุ์”

          เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2557 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเลือกตั้ง มีคำพิพากษายกคำร้อง กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้องกรณีให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในกรณีผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต กระทำการหาเสียงใส่ร้ายให้เข้าใจผิด โดยศาลให้เหตุผลว่า คำฟ้องของ กกต. ที่ระบุถึงคำปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หาเสียงที่บริเวณวงเวียนใหญ่ และลานคนเมือง เมื่อปี 2556 ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ไม่ได้ทำให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครซึ่งเป็นผู้แข่งเสียหาย และสิ่งที่นายสุเทพ พูดมีคำพิพากษาและรายงานจากกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรรองรับว่าเป็นเรื่องจริง

    ขึ้นค่าก๊าซแอลพีจี– เอ็นจีวี

          คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี ภาคขนส่ง และราคาก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น โดยราคาก๊าซแอลพีจี ภาคขนส่ง ปรับขึ้น 0.62 บาทต่อกิโลกรัม จาก 21.38 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 22.00 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลจะปรับขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 10.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 11.50 บาทต่อกิโลกรัม และให้คงราคาขายปลีกเอ็นจีวี สำหรับรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รวมทั้งรถร่วม บขส. และรถร่วม ขสมก. ไว้ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัมเช่นเดิม

          นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร จากเดิมจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับดีเซล 1.70 บาทต่อลิตร ปรับเป็นจัดเก็บ 2.10 บาทต่อลิตร โดยไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแต่อย่างใด

    รายได้รัฐ 11 เดือนแรกพลาดเป้า

          สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 (ตุลาคม 2556– สิงหาคม 2557) ว่าจัดเก็บได้ 1.88 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1.68 แสนล้านบาท หรือ 8.2%เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าและอากรขาเข้าจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ รวมถึงการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลต่ำกว่าเป้าหมายและการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์และภาษีน้ำมันจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 นั้น นอกจากนี้ 3 กรมภาษีจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการรวม 2.23 แสนล้านบาท

    ต่ออายุการลดภาษีอีก 1 ปี

          เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการต่ออายุการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลตามที่รัฐบาลที่แล้วได้เคยดำเนินการไว้ออกไปอีก 1 ปี แต่ไม่เกิน 31 ธันวาคม 2558

    ใช้เงินค้าง 15,000 ล้านบาท ไทยเข้มแข็งเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ

          เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังนำเงินกู้จากโครงการไทยเข้มแข็ง ที่ยังไม่ใช้อีก 15,000 ล้านบาท ไปปรับใช้กับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของรัฐบาล เบื้องต้นจะเป็นโครงการที่ช่วยเหลือคนจน และคนรายได้น้อย เพื่อกระจายเงินไปยังเศรษฐกิจฐานรากให้มากขึ้น ซึ่งวงเงินดังกล่าวได้ผูกผันให้ใช้ถึงภายสิ้นปีนี้ โดยกระทรวงการคลังต้องเร่งเสนอรัฐบาล ให้ปรับเงินกู้ดังกล่าวมาใช้ในโครงการใหม่ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อไม่ให้เงินกู้กล่าวหมดอายุโดยใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้

    ทุก 2 ชม. ไทยฆ่าตัวตาย 1 คน

          เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า วันที่ 10 กันยายนของทุกปีถือว่า เป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก โดยปีนี้มีการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “ทั่วโลกประสานใจ ป้องกันการฆ่าตัวตาย” (Suicide Prevention : One World Connected) สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย พบว่า ในปี 2556 มี คนไทยเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย มากกว่า 3,900 รายต่อปี คิดเป็นอัตรา 6.08 ต่อประชากรแสนคน หรือเฉลี่ยเดือนละ328 คน ประมาณวันละ 10-12 คน หรือทุกๆ 2 ชั่วโมง มีคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ในจำนวนนี้ผู้ชายฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิงคิดเป็นอัตรา 9.70 และ 2.58 ต่อประชากรแสนคนตามลำดับ

          ภาคเหนือมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าภาคอื่นๆ คิดเป็น 9.99 ต่อประชากรแสนคนโดยเฉพาะ จ.ลำพูน กลับมามีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดของประเทศอีกครั้ง อยู่ที่ 14.81 ต่อประชากรแสนคน ขณะที่ จ.ปัตตานี มีการฆ่าตัวตายต่ำสุดคิดเป็นอัตรา 1.18 ต่อแสนประชากร ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการไว้ว่าในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายมากกว่า8 แสนราย เฉลี่ย 1 คน ในทุกๆ 40 วินาที มากกว่าการเสียชีวิตด้วยการฆาตกรรมและสงครามรวมกัน


    From : http://www.fpps.or.th


  •