สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

การเมือง การตลาด

การเลือกตั้งผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 คนไทยไปใช้สิทธิการเลือกตั้งล้นหลาม จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนไทยกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกจากพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านการหาเสียงเลือกตั้งเพียง 48 วัน

เป็น 48 วัน หรือประมาณ 6 สัปดาห์ ที่ชูนโยบายอภิมหาประชานิยม เอาใจทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักศึกษา คนชรา กรรมกร จนถึงเกษตรกร เพื่อเรียกความสนใจและคะแนนเสียงเสมือนหนึ่ง “การทุ่มทุนสร้าง” ของบริษัทเอกชนเพื่อต่อยอดธุรกิจอย่างครบชุด ตั้งแต่โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนหลายแสนล้านบาท เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้า ท่าเรือ แอร์พอร์ตลิงค์ ไล่เรื่อยถึงเรื่องอื่นๆ อาทิ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท คอมพิวเตอร์สำหรับเด็กประถม เพิ่มเงินยืมเพื่อการศึกษา เพิ่มเงินเดือนปริญญาตรี เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ บัตรเครดิตเกษตรกร ที่เล่ามายังไม่หมด แต่ฉายภาพพอเป็นตัวอย่าง จนหลายคนอาจเคลิ้มไปว่า ความรวยกำลังจะหมุนมา และความฝันกำลังจะเป็นจริง

ที่เล่ามานี้คือของแลกกับการได้เป็นรัฐบาล การได้เข้าไปกุมอำนาจรัฐ และงบประมาณของแผ่นดิน ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ ต้องให้เวลาได้พิสูจน์ “คำพูดไม่สู้ลงมือทำ” ต้องให้โอกาสได้ทำงานอย่างเต็มที่ ประชาชนก็ต้องติดตามดู ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไม่สนใจ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนไม่ใช่ของนักการเมืองเท่านั้น แต่ที่ติดใจจะเอางบประมาณที่ไหนมาทุ่มทุนสร้างสิ่งที่โฆษณาไว้

นโยบายต่างๆ นั้น ไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็ล้วนเป็นนโยบายเพื่อการหาเสียงในระยะสั้น เฉพาะกิจเพื่อให้ได้ชัยชนะการเลือกตั้ง การออกนโยบายใดๆ จึงมีลักษณะของการโหมโฆษณาเพื่อการ “ขายสินค้า” คือ นโยบายเป็นการจำเพาะเพื่อแข่งขันทำการตลาดและแย่งลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอน การโฆษณาจึงอาจเกินจริงและเข้าข่ายที่อาจจะทำไม่ได้ทั้งหมดทันทีตามที่สัญญาไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจุบันนักการเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงการเมืองเพื่อสร้างเสถียรภาพทางสังคมและการเมืองในอนาคต

นโยบายพื้นฐานเพื่อสร้างความต่อเนื่องและเสถียรภาพของเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในระยะยาวจึงไม่ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการศึกษาเพื่อสร้างความสามารถของพลเมืองเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนอนาคตของประเทศ นโยบายพัฒนาสังคมและความเป็นมนุษย์ในสังคมประชาธิปไตยเพื่อสร้างจิตสำนึกสาธารณะของความเป็นพลเมือง เพราะการเมืองเป็นเรื่องกิจสาธารณะ รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจที่ลดการพึ่งพาและสร้างความรู้เพื่อการพึ่งตนเองให้มากขึ้น มากกว่าการรอรับจากรัฐบาลดังที่ผ่านมา

การเลือกตั้งที่ผ่านมา จึงเป็นสัญญาณว่าประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ตนในระยะเฉพาะกิจ เป็นการเมืองที่ประชาชนเป็นหุ้นส่วนกับพรรคการเมืองเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์กับพรรคที่ตนสนับสนุน แต่ไม่ได้เป็นการเมืองที่พลเมืองพึงคำนึงถึงความรับผิดชอบและประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร

ผู้อำนวยการร่วม สถาบันนโยบายศึกษา

From : http://www.fpps.or.th