สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

ชุมนุมเพื่อสามัคคี

ในช่วงระยะ 3-4 ปีมานี้ คนไทย รวมถึงชาวโลก คงคุ้นชินกับการที่กลุ่มคน 2 สีออกมารวมตัวเรียกร้องในสิ่งที่กลุ่มตนต้องการ ซึ่งแน่นอน เป็นเรื่องความต้องการที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง จนส่งผลให้คนไทยส่วนหนึ่งซึ่งอาจเป็นส่วนใหญ่ มองว่าการชุมนุมดังกล่าวก่อปัญหาแก่ส่วนรวมมากกว่าเป็นประโยชน์

การชุมนุมที่ว่านี้ เป็นการชุมนุมทางการเมือง ที่ผู้ชุมนุมทั้งหลายต่างอ้างสิทธิ ใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญว่า เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

การชุมนุมทางการเมือง หรือการชุมนุมสาธารณะนี้ แม้คนบางส่วนจะมองว่าเป็นความจำเป็นที่คนในสังคมจะต้องเข้าใจและอดทนต่อผู้ชุมนุม เพราะการเรียกร้องของผู้ชุมนุมเป็นการเรียกร้องเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม พูดง่ายๆ ว่า เรียกร้องเพื่อส่วนรวม แต่การเรียกร้องจนเกินขอบเขต ส่งผลให้การชุมนุมแต่ละครั้งที่ผ่านมาได้สร้างความสูญเสียให้กับประเทศไปอย่างมหาศาล เรียกว่า ประเมินค่าไม่ได้ อันเป็นผลทำให้เศรษฐกิจถดถอย การเมืองขาดเสถียรภาพ สังคมขาดความมั่นคง และนานาประเทศขาดความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมยืดเยื้อปิดทำเนียบรัฐบาล ปิดรัฐสภา ปิดสนามบิน ปิดถนน และสร้างความโกลาหลในการประชุม ASEAN ที่พัทยา

การคิดต่าง เห็นไม่ตรงกัน ล้วนเป็นเรื่องปกติของคนทุกสังคม เปรียบก็เหมือนดอกไม้หลากสีบานอยู่เต็มสวนจึงสวยงาม ทุกคนชื่นชม

แต่ความไม่ปกติที่เกิดขึ้นกับการชุมนุมในสังคมไทย คือ การชุมนุมทุกครั้งมักสร้างความตื่นตระหนกทางสังคม มีการสร้างกระแสข่มขู่ คุกคาม และมุ่งทำลายต่อบุคคลและต่อสถาบันทางสังคม

สังคมมีคำถามต่อการชุมนุมโดยไร้จิตสำนึกต่อสาธารณะเช่นนี้ ด้วยปรากฏว่า การรวมตัวของผู้ชุมนุมหลายหมื่นเรือนแสนแต่ละครั้งย่อมไม่ได้ก่อให้เกิดความสงบแน่นอน อีกทั้งยังละเมิดต่อความเป็นอยู่อย่างปกติสุขของคนส่วนใหญ่อีกด้วย รัฐธรรมนูญ มาตรา 63 แม้ให้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่มาตราเดียวกันนี้ก็ยังต้องคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอีกด้วย นี่คือสาระหลักที่ผู้นำการชุมนุมต้องตระหนักและรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ขอแสดงความชื่นชมต่อคุณจินตนา แก้วขาว ผู้นำการชุมนุมที่บ่อนอก บ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ของแผ่นดินให้คงอยู่ในชุมชนที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นทรัพย์ของคนทั้งชาติไม่ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของธุรกิจกลุ่มเล็กๆ นอกชุมชน

การชุมนุมเรียกร้องที่บ่อนอก บ้านกรูด ชุมชนเล็กๆ ห่างไกลจากเมืองหลวง แม้ไม่มีคนมาร่วมเป็นหมื่นเป็นแสน แต่ก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบ เป็นสำนึกทางวัฒนธรรมของชุมชน เป็นพลังแห่งศีลธรรมที่มีประสิทธิภาพที่จะไม่ทำให้ชุมชนกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไป แล้วแทนที่ด้วยผลประโยชน์ใหม่ทางธุรกิจที่ไม่อาจจะเอื้อให้เกิดสินทรัพย์ส่วนรวมแก่ชุมชนและของชาติได้อย่างยั่งยืน

การชุมนุมน้อยใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้นอีก จึงต้องเคารพความเป็นส่วนรวมและประโยชน์ของชาติ ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกทางสังคมของผู้ร่วมชุมนุมที่จะช่วยกันพิจารณาแก้ไขข้อผิดพลาด ขณะเดียวกันสังคมก็ต้องให้การสนับสนุนการเรียกร้องที่อยู่บนฐานของความรู้จริง มีลักษณะสร้างสรรค์ และมีจุดหมายปลายทางที่สร้างความสามัคคีในชาติ

ทิพย์พาพร ตันติสุนทร

ผู้อำนวยการร่วม สถาบันนโยบายศึกษา

From : http://www.fpps.or.th