ปุจฉา-วิสัชนา
เรื่อง สิทธิมนุษยชน : ฟาร์มเลี้ยงกุ้งกับคลองทท่าทอง บทเรียนการละเมิดสิทธิชุมชน(2)

ปุจฉา : ในการตรวจสอบในเรื่องนี้ต้องตรวจสอบอย่างไรบ้าง ผลการตรวจสอบเชื่อถื่อได้หรือไม่

วิสัชนา : ในเรื่องนี้อนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 4 ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาคที่ 14 ให้ดำเนินการตรวจสอบโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมได้ประสานงานกับหน่วยงาอื่นๆเพื่อเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำและสภาพของฟาร์ม โดยมีอนุกรรมการคุ้มครอง 4 เป็นผู้สังเกตการณ์ในการตรวจสอบ การตรวจสอบคุณภาพน้ำได้มีการตรวจสอบ 3 จุดบริเวณคลองท่าทอง ช่วงต้นน้ำก่อนเข้าสู่ฟาร์ม จุดที่ 2 บริเวณคลองสาธารณะภายในฟาร์ม และจุดที่ 3 บริเวณสะพานข้ามคลองท่าทองช่วงปลายน้ำห่างจากฟาร์ 50 เมตร ผลการตรวจสอบปรากฏว่า พบคุณภาพน้ำในจุดที่ 2 บริเวณคลองสาธารณะภายในฟาร์ม มีปริมาณค่าความสกปรกในรูปบีโอดี มากว่าหรือเท่ากับ 7.7 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งมากกว่ามาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดินระดับ 4 หรือคุณภาพน้ำอยู่ในระดับเสือมโทรม แต่อย่างไรก็ตามสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคได้มีความเห็นว่าเนื่องจากในวันที่ตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงกุ้งดังกล่าวไม่มีการปล่อยน้ำทิ้ง จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้

การตรวจสอบเพื่อเอาความผิดในด้านสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ง่ายนัก เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่าง แต่การตรวจสอบเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาน่าจะทำได้ง่ายขึ้นในกรณีนี้ก็เช่นเดี่ยวกัน ประเด็นสำคัญคือได้เกิดผลกระทบต่อชาวบ้านในด้านต่างเช่น ปลาในกระชังตาย หาปลาในคลองท่าทองไม่ได้ นั้นคือผลกระทบที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้หน่วยงานราชการ 2 หน่วยงานคือ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 14 กับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสุราษฎร์ธานี มีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องมาตรฐานน้ำ ซึ่งมีความเห็นว่าไม่เกินค่ามาตรฐานแต่อย่างใด จึงน่าจะชี้ได้ว่า หากมีการตรวจสอบโดยชุมชนที่ได้รับผลกระทบและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมจะทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น

ปุจฉา : ประชาชนมีสวนร่วมได้จริงหรือ หรือเป็นเพียงแค่ไม้ประดับ

วิสัชนา : ได้มีการประชุมร่วมกันในการแก้ปัญหาคลองท่าทอง ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีรองผู้ว่าจังหวัดเข้าร่วมพร้อมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและประชาชนควรได้รับผลกระทบ ในการประชุมครั้งนี้ค่อนข้างจะเห็นตรงกันว่า ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งโดยมีตัวแทนชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบและติดตามในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อติดตามแก้ไขปัญหานี้

รูปธรรมของปัญหาคลองท่าทอง เป็นเครื่องชี้วัดที่ชัดเจนว่าถึงแม้ว่าสิทธิชุมชนจะได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ 2540 อย่างชัดเจนแต่ในทางปฎิบัติยังติดขัดอยู่ที่การปฎิบัติยังติดขัดอยู่ที่การปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ ว่าจะเข้าใจและยอมรับมากน้อยเพียงใด ซึ่งจากกรณีนี้การมีส่วนร่วมของชุมชนยังไม่ปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง จึ่งหวังว่าชุมชนที่ได้รับผลกระทบจะได้เข้ามามีส่วนร่วม ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาในทุกระดับอย่างแท้จริงและที่สำคัญยิ่ง รัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 ที่กำลังยกร่างอยู่ ในเวลานี้ต้องเขียนสิทธิชุมชนให้ชัดเจนและมี มาตรการรองรับในทางปฎิบัติที่ชัดเจนก่อนที่จะไม่มีแม่น้ำ ลำคลอง ที่สดอาดบริสุทธิและสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อไป

นายพิทักษ์ เกิดหอม
อนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยน 4
ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยนชนแห่งชาติ


From : http://www.fpps.or.th