สถาบันนโยบายศึกษา : Institute of Public Policy Studies (IPPS)

พฤศจิกายน 2545 : นักวิชาการลงชื่อค้านท่อก๊าซ

นักวิชาการทั่วประเทศกว่า 1,300 คน ร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย สภารับหลักการร่างกฎหมายห้ามชุมนุมบนถนน และร่างกฎหมายฉีดยาพิษแทนการยิงเป้า ส่วนวุฒิสภาผ่านกฎหมายคุ้มครองพยาน นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติห้าม ด.ต.พินิจ เมืองโคตร สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี ฐานไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แกนนำชุมชนและเยาวชนทั่วกรุงเทพฯ ร่วมกับมูลนิธิป้องกันควันพิษและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ได้ยื่นฟ้องกรมควบคุมมลพิษ และองค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ (ขสมก.) ต่อศาลปกครอง ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เกิดควันพิษ ส่วนที่ประชุม กกต.ได้เลือก พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน กกต.นอกจากนี้ ป.ป.ช. ได้ชี้ขาดว่า นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.กระทรวงสาธารณสุข มีความผิดทางอาญาในข้อหาเรียกรับเงินสินบน 5 ล้านบาท

นักวิชาการทั่วประเทศร่วมลงชื่อค้านท่อก๊าซ

นักวิชาการจำนวน 1,384 คนทั่วประเทศ ร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการวางท่อส่งก๊าซ และสร้างโรงแยกก๊าซฯ ไทย-มาเลเซีย ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยให้เริ่มกระบวนการพิจารณาใหม่ตั้งแต่ต้นพร้อมเสนอข้อเท็จจริง และรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายรอบด้านอย่างโปร่งใส รวมทั้งดำเนินการตามข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดที่ได้มา โดยไม่มีการตัดสินใจไว้ล่วงหน้า ซึ่งกลุ่มนักวิชาการดังกล่าวได้ยกเหตุผลสนับสนุนข้อเรียกร้อง 6 ประเด็น คือ

1. มีความไม่ชอบธรรมไม่ชอบมาพากลและไม่ชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการตัดสินใจที่นำมาสู่โครงการนี้ เนื่องจากเห็นว่าการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ยังไม่ผ่าน ส่วนขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ก็ไม่เป็นกลางและรวบรัดตัดสินใจโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ขณะที่ประชาชนออกมาคัดค้าน วุฒิสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มหาวิทยาลัยบูรพา และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้เสนอให้รัฐบาลทบทวนโครงการ แต่รัฐบาลยังยืนยันจะดำเนินโครงการต่อไป
2. เรื่องพลังงาน เห็นว่าโดยภาพรวมยังมีพลังงานก๊าซ พลังงานไฟฟ้า เกินความต้องการ
3. ความไม่คุ้มทุนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากยังไม่มีความจำเป็นและความพร้อมที่จะใช้พลังงาน และเมื่อคำนวณค่าตอบแทนตลอดอายุโครงการ เห็นว่าไม่คุ้มต่อการลงทุน
4. ด้านผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จะทำให้แหล่งประมงอันอุดมสมบูรณ์ลดลงน้ำทะเลจะร้อนขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมจะทิ้งน้ำหล่อเย็นลงทะเล และมีการปนเปื้อนสารปรอทจากหลุมเจาะก๊าซ นอกจากนี้น้ำจืดจะขาดแคลนจากการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
5. โครงการนี้จะบั่นทอนทำลายวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงในท้องถิ่น และศักยภาพการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งจากการสำรวจประชาชนในพื้นที่ ร้อยละ 89 พอใจต่อวิถีชีวิตการทำประมงชายฝั่งทะเลอย่างปัจจุบัน
6. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี ไม่ใช่เพียงไม่ทำร้ายร่างกายและทำลายวัตถุเท่านั้น จะต้องไม่ทำร้ายจิตใจ สิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามีการละเมิดต่อสันติวิธี

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมายืนยันว่าจะดำเนินการโครงการนี้ต่อไป ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มนักวิชาการดังกล่าวนั้นจะรับไว้ศึกษาและตรวจสอบอีกครั้งอนึ่ง นักวิชาการที่ร่วมลงชื่อ ได้แก่ ศ.ดร.น.พ.ประเวศ วะสี จากมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา, ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน, คุณรตยา จันทรเทียร จากมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร, ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล จากคณะรัฐศาสตร์ และรศ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น

สภาฯ รับหลักการ กม.ห้ามม็อบปิดถนน

สภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทางหลวง ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 258 ต่อ 56 เสียง และให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 35 คน เพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญของร่างดังกล่าว ได้แก่ การห้ามไม่ให้มีการชุมนุมบนทางหลวง หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางอาญาทั้งจำและปรับ นอกจากนี้หากมียานยนต์เสียบนทางหลวงจะต้องเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่เคลื่อนย้ายจะมีโทษทั้งจำและปรับเช่นกัน

ทั้งนี้ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างนี้ เห็นว่าหมิ่นเหม่ต่อการขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทย เนื่องจากการไม่ให้มีการชุมนุมบนทางหลวง ถือได้ว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน

รับหลักการ กม.ฉีดยาแทนยิงเป้า

สภาผู้แทนราษฎรมีมติเอกฉันท์ 292 เสียง รับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีสาระสำคัญ ให้เปลี่ยนวิธีการลงโทษประหารชีวิต จากยิงเป้ามาเป็นการฉีดสารพิษให้เสียชีวิต นอกจากนี้ ห้ามนำโทษประหารและโทษจำคุกตลอดชีวิตมาใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่หากต้องระวางโทษดังกล่าว ให้ถือว่าระวางโทษจำคุก 50 ปีแทน

ทั้งนี้ สภาผู้แทนฯ มีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 35 คน เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้ง

วุฒิผ่าน กม.คุ้มครองพยาน

วุฒิสภาผ่านร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองพยานในคดีอาญา ด้วยคะแนน 67 ต่อ 1 เสียง หลังจากคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและสิทธิมนุษชนได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญในการให้ความคุ้มครองพยานทั้งมาตรการทั่วไป และมาตรการพิเศษ ได้แก่ การจัดหาสถานที่ที่ปลอดภัย ปกปิดไม่ให้มีการเปิดเผยชื่อ-สกุล ที่อยู่ หรือข้อมูลต่างๆ ของพยาน ครอบครัวและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพยาน

ส่วนมาตรการพิเศษได้แก่ ให้สำนักงานคุ้มครองพยานดำเนินการย้ายที่อยู่หรือจัดหาที่อยู่ที่เหมาะสม จ่ายค่าเลี้ยงชีพให้แก่พยาน และบุคคลที่อยู่ในความอุปการะของพยานไม่เกิน 1 ปี ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เปลี่ยนชื่อ และหลักฐานทางทะเบียน จัดหาอาชีพหรือให้การ อบรมศึกษาเพื่อให้พยานสามารถดำรงชีพอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ต้องเป็นความลับ ห้ามหน่วยงานใดเปิดเผย

ห้าม ส.ท.มุกดาหาร เล่นการเมือง 5 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 13 ต่อ 1 เสียง ตัดสิทธิ์ ด.ต.พินิจ เมืองโคตร สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากจงใจไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบภายในเวลาที่กำหนด ตามคำร้องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ให้วินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา 295 ของรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองมุกดาหารเป็นเทศบาลที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ประกาศของ ป.ป.ช. ที่กำหนดให้ผู้บริหารต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 และ 292 และตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 42 ว่าด้วยการกำหนดเกณฑ์รายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ที่ผู้ถูกร้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีต่อ ป.ป.ช. เมื่อเข้ารับตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งแล้ว 1 ปี

โดย ด.ต.พินิจ ส.ท.เมืองมุกดาหาร ไม่ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินฯ ตามเวลาที่กำหนด ป.ป.ช. จึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้ติดต่อให้ ด.ต.พินิจ เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ กลับไม่ได้รับการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด ศาลรัฐธรรมนูญจึงได้ลงมติดังกล่าว

ฟ้องกรมควบคุมมลพิษ และ ขสมก. ฐานละเว้นให้ปล่อยควันพิษ

แกนนำชุมชนและเยาวชนทั่วกรุงเทพฯ ร่วมกับมูลนิธิป้องกันควันพิษและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ที่มีนายพิจิตร รัตตกุล เป็นกรรมการอำนวยการมูลนิธิฯ ได้ยื่นฟ้องกรมควบคุมมลพิษ และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ต่อศาลปกครองในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 56 (3) และมาตรา 62 เนื่องจากรถประจำทางของ ขสมก.และรถร่วมบริการต่างๆ ได้ปล่อยควันดำ ควันขาว มาทางท่อไอเสียโดยไม่มีการควบคุมดูแลและแก้ไขอย่างจริงจัง ส่วนกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมดูแล กลับไม่ดำเนินการจัดการควบคุมมลพิษทางอากาศไม่ให้เกินมาตรฐานอย่างจริงจังตามบทบาทอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ทำให้ประชาชนที่สัญจรในกรุงเทพฯ ต้องเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังได้มีการเดินรณรงค์ต่อต้านควันดำ โดยเชิญชวนให้ประชาชนไม่ใช้บริการรถเหล่านั้น โดยเฉพาะรถของ ขสมก. และรถร่วมบริการต่างๆ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ผู้ขับขี่และผู้รับสัมปทานเส้นทางเดินรถทุกสายทุกเส้นทางมีสำนึกถึงความรับผิดชอบ ในการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว

เลือก “วาสนา” เป็นประธาน กกต.

ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ 5 เสียง เลือก พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ กกต.ฝ่ายกิจการพรรคการเมือง เป็นประธาน กกต.คนใหม่ แทน พล.อ.ศิรินทร์ ธูปกล่ำ อดีตประธาน กกต. ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการสรรหาฯ ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งการคัดเลือกดังกล่าวได้ยึดตามมาตรา 138 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้ กกต.ทั้งหมด ประชุมหารือเพื่อเลือกประธานกันเอง

หลังการคัดเลือก กกต.ได้ทำหนังสือแจ้งชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็นประธาน กกต. ไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อให้ประธานวุฒิสภานำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธาน กกต.ต่อไป

“รักเกียรติ” ผิดอาญาฐานเรียกรับเงิน 5 ล้าน

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้ขาดว่า นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความผิดทางอาญาฐานเรียกรับเงินสินบนจำนวน 5 ล้านบาท จากกรรมการ บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการประกาศยกเลิกราคากลางยา ตามบัญชีราคายาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2536 ทั้งนี้ ป.ป.ช. จะส่งสำนวนถึงอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาข้อหาทุจริตในหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมาตรา 149 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนกรรมการบริษัทดังกล่าวมีความผิดฐานเป็นผู้ให้ จึงมีมติให้แจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

อนึ่ง นายรักเกียรติ ยังถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ และจงใจแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเวลา 5 ปี และส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดทรัพย์ จำนวน 233 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

From : http://www.fpps.or.th